นายกฯ ชี้อย่าให้นักการเมืองชักนำ บอกรัฐบาลช่วยเหลือกลุ่มทุน แต่ต้องไม่มาชี้นำ
นายกฯ ชมรัฐบาลเก่า “2 พิชัย” ทีมคลัง-พณ. สู้กำแพงภาษีทรัมป์ ต่อรองสหรัฐฯ ลดภาษีอีก หลังเป็นตัวกลางสงบศึกไทย-กัมพูชา ชี้ รัฐบาลต้องเข้มแข็ง ช่วยเหลือกลุ่มทุน แต่ไม่ให้กลุ่มทุนชี้นำ ยันไทยมีอนาคต อาจชะงักงันบ้าง เหตุติดหล่มการเมือง ลั่นอย่าให้นักการเมืองชักนำ
วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในเวทีสัมมนา Sustainability Expo 2025 A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry หัวข้อ “ยกระดับอุตสาหกรรม-การค้า-การลงทุนสู่ความยั่งยืน” ว่า วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงาน Sustainability Expo 2025 A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry ทั้งนี้เราอยู่ในยุคที่ได้ยินคำว่าความยั่งยืนอยู่บ่อยครั้ง แม้กระทั่งองค์การสหประชาชาติก็ใช้คำว่า SDGs หรือ Sustainable Development (การพัฒนาอย่างยั่งยืน) แต่ตนยังเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณคณะผู้จัดงานในวันนี้ที่ได้เห็นความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จะทำให้ Sustainability เป็นคำที่จะอยู่ในอุดมคติของเรา ที่เราจะต้องมองและดำเนินการและคิดให้เกิดความยั่งยืน คิดเป็นแบบ Quick Win
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีเวลา 4 เดือน ก็ต้องทำงานแบบ Quick Win และต้องวางรากฐานเพื่อให้เกิด Sustainability เพื่อให้รัฐบาลต่อไปจะได้นำไปต่อยอดและดำเนินการต่อไป โดยที่ไม่ต้องมาล้มเลิกและนำแนวคิดเรื่องใหม่ ๆ เข้ามา แต่หากรัฐบาลต่อไปล้มเลิกอีก จะทำให้คำว่า Sustainability ไม่มีความหมายใดๆ
นายกรัฐมนตรียังได้ยกตัวอย่างเรื่องสังคมผู้สูงอายุ เพราะหากในอนาคตเรามีสุขภาพที่ดีอาจจะอยู่ได้ถึง 90 ปีขึ้นไป และตนหวังว่าในวันหนึ่งประเทศไทยจะปรับเปลี่ยนอายุเกษียณเป็น 65 ปี เพราะไม่เช่นนั้นคนที่ยังคงมีกำลัง และไม่ได้แอคทีฟ ไม่ได้ทำอะไรก็จะเริ่มกลายเป็นภาระเหี่ยวเฉาไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยช่วงอายุ 60-65 ไปจนถึง 90 ปี จะต้องอยู่แบบดูแลตัวเองได้เพราะสังคมต้องเปลี่ยน ไม่ใช่การอยู่บ้านคอยลูกหลาน ซื้อข้าวมันไก่ ซื้อก๋วยจั๊บ เย็นตาโฟ มาให้ เช้า กลางวัน เย็น เพราะเขาไม่มีเวลาต้องออกไปทำมาหากิน ทำเลที่มีความแข่งขันสูง ไม่มีอีกแล้วที่ลูกจะต้องลางาน 2-3 สัปดาห์ไปดูแลพ่อแม่ป่วย หลานจะต้องลาไปเลี้ยงไก่ ไปทำงานนา หากทำแบบนั้นก็ต้องเซ็นใบลาออกไปเลยไม่ต้องลาพักร้อน เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต ทั้งนี้ในช่วงชีวิตที่เรา ก่อนจะไปติดเตียง เราต้องไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน รัฐบาลก็เหมือนกันต้องดูแลทุกคนไม่สามารถพูดได้ว่า ป่วยก็ปล่อยให้ธรรมชาติคร่าชีวิตไป ทุกวันนี้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมพร้อมการดูแล และแม้จะพยายามวิ่งในสังคมผู้สูงอายุมาตลอดแต่วันนี้ยอมรับแล้วว่าไม่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมาดูแลเรื่องสุขภาพ
นายกฯ กล่าวว่า ถามว่าโอกาสมีไหม ตนเคยมาจากภาคธุรกิจมาก่อน มองหลาย ๆ อย่าง มองประเทศไทยอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องมองเป็นภูมิภาคคืออาเซียน ซึ่งเราเป็นไข่แดงอยู่ตรงกลางมีภูเขา ทะเล มีทางออกทั้งทางบกทางน้ำ เชื่อมตะวันตก ตะวันออก ทุกที่ต้องผ่านประเทศไทย จะผ่านเก็บค่าผ่านทางเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องให้คนทุกคนที่ผ่านประเทศไทยแวะ ต้องใช้ ต้องผลิต ต้องลงทุนนี่ คือสิ่งที่ประเทศไทยเรามีศักยภาพที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการเมืองที่จริงแล้วมีความเป็นเสถียรภาพ ต่อให้ไม่มีความเป็นเสถียรภาพ นักการเมืองรู้ดีว่าอย่าไปแตะกับผู้ประกอบการที่เขากำลังสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ เราผ่านวิกฤตการณ์มาเท่าไหร่ก็ตาม แต่ว่าความมั่นคงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจเราไม่เคยลดน้อยถอยลง สิ่งที่เราต้องแก้อีกนิดเดียวคือทำให้รัฐบาลมีความเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ช่วยเหลือและสนับสนุนกลุ่มทุนซัพพอร์ตทุกอย่าง ออกมาตรการทุกอย่างให้กลุ่มทุนได้ แต่ต้องไม่ให้กลุ่มทุนมาชี้นำรัฐบาลเท่านั้นเอง และประเทศของเราสามารถที่จะมีการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ว่าทำอะไรไม่ได้ ติดคนนี้ ติดคนนั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่เกิดการแข่งขัน จะกลายเป็นเสือนอนกินไม่พัฒนา ตนเชื่อว่าสังคมการเมืองจะเปลี่ยนไปและประเทศไทยของเราจะเริ่มปรับความเป็นสากลและธรรมาภิบาลเพิ่มมากขึ้น เพราะเราจะถูกบีบจากสังคมทั้งภายในและภายนอก
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรามีสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ ในช่วงนี้สถานการณ์ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทำให้กฎทางการค้าซับซ้อนขึ้น ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความผันผวน รัฐบาลทุกประเทศต่างคิดมาตรการที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศของเขาและในหลายครั้งอาจจะเป็นโทษกับประเทศผู้ค้าอื่น เราต้องมีความพร้อม โลกเป็นอย่างไรต้องปรับเปลี่ยน วันนี้สหรัฐฯขึ้นภาษีของเรา สิ่งแรกที่เราต้องคิดแล้วตลาดอื่นอยู่ไหนต้องไปให้ได้ เขาเพิ่มมา 19% จะไปแข่งกับใคร ตลาดอื่นที่จะมารองรับมีไหม และเราต้องมองฐานการผลิตของเรา ตนเคยคิดว่าการขึ้นภาษีมาก ๆ ไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม เช่น อยากกินกุ้งอร่อย กรอบ ๆ สด ๆ ถูก ๆ หรือไม่ คุณจะหากุ้งถูกกว่าประเทศไทยที่ไหน อยากกินเบียร์ดี ๆ ที่ราคามาตรฐาน คนกินได้ทุกระดับจะซื้อที่ไหนถ้าไม่ใช่ประเทศไทย ซึ่งหากขึ้นภาษีไปคนในประเทศนั้นก็เดือดร้อน
นายกฯ กล่าวว่า ขอชื่นชมรัฐบาลที่แล้วทั้งกระทรวงการคลัง โดยนายพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พาณิชย์ ทั้งสองพิชัยเลย รวมถึงปลัดกระทรวง ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากในการดำเนินการเรื่องภาษีประเทศไทยจนสุดท้ายแล้วได้มา 19% เราไม่ได้เสียอะไร ซึ่งเท่าที่ตัวเองทราบมาท่านได้ใช้ทุกกลไกทุกอย่างเท่าที่ได้มา และถ้าเขาสูญเสียคนที่เดือดร้อนคือประเทศของเขา ตอนนี้ด้วยปัญหาความขัดแย้งที่เรามีกับประเทศเพื่อนบ้าน สหรัฐฯพยายามอยากจะให้เราได้มีข้อตกลงที่ดีต่อกันเพื่ออะไรก็แล้วแต่ เพื่อประโยชน์ของประเทศของเขาด้วย ในเรื่องการค้า ความมั่นคงในภูมิภาค สิ่งแรกที่ตนคิดถ้าอยากจะได้เงื่อนไขแบบนี้ต้องคุยได้ จะทำไม่ทำอีกเรื่องหนึ่ง รับฟังได้ และปากต้องพูดด้วยภาษีลดลงอีกได้หรือไม่ ถ้าลดลงได้อีกก็จะทำให้เราตัดสินใจในการทำตามคำแนะนำของเขาได้มากขึ้น ประเทศไทยไม่เสียอะไร คุณลดภาษีด้วย เพื่อความสงบสุขของโลกใบนี้ต้องช่วยกัน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ประเทศไทยของเราไม่ใช่ไม่มีอนาคต แต่อาจจะมีการชะงักไปบ้างในเรื่องของการเมือง หากจริง ๆ แล้วปล่อยให้การเมืองเป็นส่วนของการเมืองไป แต่คนในชาติต้องรักสามัคคีกัน เพราะในเมื่อคนในประเทศไม่ต้องการความขัดแย้งก็เชื่อว่านักการเมืองจะไม่ขัดแย้งกัน อย่าให้นักการเมืองมาชักนำ
“การที่เรารักษาสุขภาพให้ดีคือเราได้ทำบุญเหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างดี ถ้าเราแข็งแรง ประเทศไทยแข็งแรง สังคมดี และเศรษฐกิจก็ดีขึ้นด้วย สิ่งเหล่านี้อยากฝากไว้ว่าประเทศไทยของเราไม่ใช่ไม่มีอนาคต อาจจะมีการชะงักงันไปบ้างในเรื่องการเมือง แต่ถ้าเราดูจริง ๆ แล้วปล่อยให้การเมืองก็ว่ากันไป คนในชาติต้องรักต้องสามัคคีกัน การเมืองก็จะมาดูแลท่านเอง ในเมื่อคนในชาติไม่ต้องการความขัดแย้ง นักการเมืองก็ไม่กล้าขัดแย้ง อย่าให้นักการเมืองมา Lead (ชักนำ ชักจูง) ท่าน ท่านต้อง Lead (ชักนำ ชักจูง) นักการเมือง ตนจะใช้โอกาสที่มีบุญวาสนามาตรงนี้ได้ ทำให้ดีที่สุด ไม่ทำอะไรเยอะ ทำแบบพอเพียง แบบยั่งยืนและยืดยาว พร้อมปรับปรุง รับฟัง และสนับสนุนให้ท่านทั้งหลายดำเนินกิจการด้วยความมั่นคงในทุก ๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้พร้อมที่จะให้การสนับสนุนพวกท่านในทุกมิติ เพื่อให้มีความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพเกิดขึ้นในประเทศของเรา” นายกฯ กล่าว
ชี้ เศรษฐกิจไทยปีหน้า ต้องลดทุกความเสี่ยง หนุน - ฟังเอกชน
ทั้งนี้ภายหลังกล่าวปาฐกถาเสร็จสิ้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องพยายามลดความเสี่ยงให้มากที่สุด ต้องสนับสนุนและรับฟังภาคเอกชน ต้องทำให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่ถูกต้อง ทำให้การส่งออกสะดวกที่สุด เพิ่มโลคอลคอนเทนต์ เพิ่มการลงทุน เราต้องรับฟังสิ่งเหล่านี้และทำให้เกิดขึ้นให้ได้
เมื่อถามว่า ยังกังวลเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวสั้น ๆ ว่า “กังวลทุกเรื่อง”