ในปี 2023 ณ เขตมรณะ (Death Zone) บนภูเขาเอเวอเรสต์
ในปี 2023 ณ เขตมรณะ (Death Zone) บนภูเขาเอเวอเรสต์ ขณะที่ เกลเจ เชอร์ปา กำลังนำทางนักปีนเขาชาวจีนมุ่งหน้าสู่ยอดเขา เขาสังเกตเห็นนักปีนเขาชาวมาเลเซียคนหนึ่งนอนแน่นิ่ง ร่างกายแข็งเกร็ง นิ้วมือเริ่มมีรอยถูกน้ำแข็งกัดกิน
ในพื้นที่ซึ่งอุณหภูมิติดลบและออกซิเจนเบาบางเช่นนี้ นักปีนเขาทุกคนรู้ดีว่า การหยุดช่วยใครสักคนหมายถึงการเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง เพราะแม้เพียงหยุดพักไม่กี่นาที ก็อาจหมดแรงจนไปต่อไม่ได้อีก
แต่เกลเจกลับเลือกสิ่งที่แทบไม่มีใครกล้าทำ
เขาหันไปโน้มน้าวลูกค้าชาวจีน ให้ละทิ้งความฝันที่จะพิชิตยอดเขา แล้วช่วยกันหันกลับมาช่วยชายแปลกหน้าคนนี้แทน
ไกด์หนุ่มนำเสื่อนอนมาห่อร่างของชายคนนั้น ซึ่งมีน้ำหนักราว 80 กิโลกรัม ก่อนจะยกขึ้นแบกบนหลัง แล้วเริ่มต้นการเดินทางลงจากเขาที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต
กว่า 6 ชั่วโมงเต็ม ที่เกลเจ เชอร์ปา วัย 30 ปี เดินฝ่าลมหนาวจัด แบกร่างนักปีนเขาลงมาจากความสูงกว่า 600 เมตร จนถึงจุดพักที่เซาท์โคล ที่นั่น ไกด์อีกคนได้เข้าร่วมช่วยเหลือและลากต่อไปยังแคมป์ 4
สุดท้าย ภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ก็สำเร็จลง นักปีนเขาชาวมาเลเซียถูกลำเลียงด้วยเฮลิคอปเตอร์ลงไปยังค่ายฐาน และรอดชีวิตมาได้
แต่เรื่องราวกลับไม่ได้จบลงแค่นั้น...
หลังฟื้นตัว ชายชาวมาเลเซียได้โพสต์ขอบคุณบริษัทนำเที่ยวและผู้สนับสนุนการปีนเขาของเขาอย่างละเอียดในโซเชียล แต่ชื่อของ เกลเจ เชอร์ปา กลับไม่มีการเอ่ยถึงเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรายงานว่าเขาได้บล็อกบัญชีของเกลเจในโซเชียลอีกด้วย จนเกิดกระแสไม่พอใจในหมู่นักปีนเขาและผู้คนทั่วโลก
ท้ายที่สุด เขาจึงออกมาโพสต์ขอโทษและกล่าวขอบคุณเกลเจในภายหลัง เรื่องราวจึงคลี่คลายลงอย่างสงบ
ในวันนั้น... ชายคนหนึ่งเลือกสละโอกาสพิชิตยอดเขา เพื่อช่วยชีวิตคนคนหนึ่ง
และอีกคน... ก็ได้มีชีวิตอยู่ต่อ เพราะความกล้าหาญของเชอร์ปาผู้ไม่ยอมทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง
::
อ้างอิงจาก - The Guardian, Reuters, South China Morning Post